รถสตาร์ทไม่ติดเพราะแบตเตอรี่หมด อาจไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกครั้งที่ปัญหานี้เกิดขึ้น มักสร้างความวุ่นวายอยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยแนวทางแก้ปัญหายอดนิยมก็จะมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน ได้แก่
แล้วทั้ง 2 วิธีการนี้ แตกต่างกันอย่างไร? เราควรใช้วิธีใดในการแก้ปัญหาแบตเตอรี่หมด Ruamchok Battery มีคำตอบให้กับทุกคำถามเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ อยู่ในบทความนี้ครับ
เหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถสตาร์ทไม่ติดระหว่างเดินทาง เนื่องจากมีแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ ที่จะสามารถทำให้ไดสตาร์ทติดเครื่องยนต์ได้ โดยสาเหตุมักเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ ระหว่างจอดทำธุระ หรือในรถบางยี่ห้ออาจมีวิธีการดับเครื่องแบบ 2 ขั้นตอน และหากคุณลืมขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไป ก็จะทำให้ระบบไฟฟ้าของรถไม่หยุดทำงาน จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดได้ เป็นต้น
ความกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆ จะหมดไป เพราะ Ruamchok Battery มีบริการชาร์จแบตเตอรี่นอกสถานที่ ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้คุณอุ่นใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมดูแลคุณ
จะเห็นได้ว่าการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละแบบ มีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันออกไป ดังนั้น Ruamchok Battery จะขอแนะนำให้เลือกแต่ละวิธีตามสถานการณ์จะดีที่สุด โดยการจัมพ์สตาร์ท (Jump Start) จะเหมาะในกรณีที่คุณมีเวลาค่อนข้างจำกัด และต้องการความรวดเร็ว ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยเครื่องชาร์จ (Battery Charger) แม้จะใช้เวลาที่นานกว่า แต่ก็มีข้อได้เปรียบในส่วนของอายุการใช้งานที่นานขึ้น หากคุณไม่ได้รีบใช้รถ เราขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้มากกว่า
อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่รถยนต์นั้น ควรมีการตรวจสอบอยู่เป็นระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น หากคุณต้องการความช่วยเหลือ เรามีทีมงานพร้อมให้บริการชาร์จแบตเตอรี่ ตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้ายนี้ Ruamchok Battery หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความของเรา จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ได้ดีมากยิ่งขึ้น เรายังมีสาระความรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์อีกมากมาย สามารถอ่านต่อได้ในบทความของเรา