รู้หรือไม่ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ที่เราใช้อยู่เป็นแบตเตอรี่แบบไหน มีการดูแลอย่างไร หากแบตเตอรี่ของเราเป็นแบตเตอรี่น้ำ/แห้งควรดูแลรักษาอย่างให้ให้ได้ใช้งานได้ยาวนานที่สุดแล้วแบตเตอรี่แบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งานของผู้ขับขี่ ดังนั้นหากเลือกใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน ก็สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานและขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แบตเตอรี่รถยนต์ถึงจะมีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ แต่ก็มีหลากหลายแบบในขนาดที่ที่เหมือนกันให้เลือกใช้อีกด้วย โดยจะยกตัวอย่างประเภทของแบตเตอรี่ที่ควรรู้มา 5 ประเภทด้วยกันมีดังนั้
เป็นแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมทั่วไปเหมาะกับรถที่ต้องวิ่งนานๆ ใช้งานเยอะและเป็นประจำ อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่แบบแห้ง ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา แต่ข้อจำกัดคือต้องคอยดูระดับน้ำกลั่นบ่อย มีราคาแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกกว่าประเภทอื่นๆแต่บางยี่ห้อก็สามารถแพงกว่าได้ แบตเตอรี่น้ำมีอีกแบบที่เรียกว่า แบตเตอรี่ไฮบริด เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนาต่อจากแบตเตอรี่น้ำมีประสิทธิภาพที่สูงเป็นแบตเตอรี่ที่ต้องการดูแลเติมน้ำกลั่นประมาณ 3 เดือน/ครั้ง สำหรับคนที่ใช้งานเยอะ หากใช้งานไม่เยอะก็อาจจะเช็คน้ำกลั่นประมาณ 5-6 เดือน/ครั้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่หลายๆคนชอบเรียกว่าแบตแห้งเพราะว่าไม่เห็นช่องเติมน้ำกลั่นแต่แบตเตอรี่ประเภทนี้สามารถลอกสติกเกอร์บนแบตเตอรี่ออกได้และสามารถเอาแหวนรองน๊อต มาหมุดช่องเพื่อเติมน้ำกลั่นได้ซึ่งไม่ต้องการการเติมน้ำบ่อยเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเนื่องจากไม่จำเป็นต้องการดูแลบำรุงจึงต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ตัวเก่าเสื่อมลงควรเติมน้ำกลั่นประมาณ 10-12เ ดือน/ครั้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากแบตเตอรี่แห้งนั้นไม่จำเป็นต้องดูแลเลยและไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น มีค่า CCA สูง แตกต่างจากแบตเตอรี่น้ำมาก สะดวกสบายในการใช้งาน พร้อมทั้งไม่ต้องเสียเวลาดูแลแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานแต่ก็มีราคาแบตเตอรี่ที่แพงกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป หากแบตเตอรี่แห้งเกิดการอุดตันทางรูระบายก็สามารถทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงได้ ซึ่งรูระบายเป็นที่ระบายไอน้ำกรด จึงไม่ควรนำสิ่งใดๆ ไปอุดรูระบายอากาศเพราะอาจจะทำให้แบตเตอรี่ร้อนหรือบวม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงได้
เป็นแบตเตอรี่ที่มีระบบ Idle Start-Stop(ISS) หรือก็คือระบบที่จะดับเครื่องยนต์ลงเมื่อรถจอดอยู่หรือไม่ขยับความแตกต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไปคือ มีแผ่นธาตุหนากว่าเพื่อรองรับการทำงานของระบบ Start-Stop ที่มีจำนวนครั้งในการสตาร์ทรถมากกว่าปกติถึง 3 เท่าและแบตเตอรี่แบบ EFB ยังมีน้ำหนักมากกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปโดยแบตเตอรี่ จะมี 2 แบบคือแบบแห้งและกึ่งแห้ง
หรือที่เรียกว่าแบตเตอรี่เจล เหมาะสำหรับรถที่ต้องใช้ไฟเยอะและต้องการประสิทธิภาพสูงอย่างเช่น รถหรู เบนซ์ BMW รุ่นใหม่ ที่มีระบบ Auto Start-Stop หรือรถยุโรปและทำไมบางคนถึงเรียกว่าแบตเตอรี่เจลเป็นเพราะว่าแผ่นธาตุข้างในประกอบไปด้วยแผ่นแก้วที่ค่อยดูดซับน้ำกรดอยู่ภายในแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้มีน้ำหนักที่ค่อนข้างหนักเพราะแผ่นธาตุภายในที่หนามากโดยราคาของแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดนี้จะมีราคาที่แพงที่สุดขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือแบรนด์ที่ใช้
จากแบตเตอรี่ทั้งหมดที่นำมาจะสังเกตได้ว่าแบตเตอรี่แบบไหนเหมาะกับการใช้งานยังไง หากเลือกใช้แบตเตอรี่ผิดประเภทอาจส่งผลต่อตัวรถยนต์ทำให้ระบบางอย่างไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นแล้วควรเลือกใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะกับรถยนต์และการใช้งานของผู้ขับขี่เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีเรื่องสงสัยหรือสอบถามสามารถติดต่อมาได้ที่ รวมโชคแบตเตอรี่ เรายินดีให้บริการทุกท่าน